วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556

สัจธรรมขวดน้ำฝาเขียว


          เวลาไปเที่ยวที่ไหนกันหลายๆคนก็มักจะมีเรื่องราวสนุกๆมาเล่าสู่กันฟังเสมอ บางคนก็เป็นมุกเก่าแต่คลาสสิก ฟังเมื่อไหร่เป็นขำกลิ้งทุกที แต่บางคนก็สรรหามุกสุดล้ำลึกที่ผู้คนทั่วไปยากจะเข้าใจ เล่าไปแล้วไม่ขำ แต่จำติดหูไปจนถึงบ้าน ในที่สุดก็คิดออกว่าเรื่องที่เขาเล่ากันมานั้นมันขำที่ตรงไหน ผลก็คือนั่งขำอยู่คนเดียวใครมาเห็นเข้าก็นึกว่าประสาทกำเริบ มุกที่คิดกันสดๆก็มีเช่นกันอันนี้ต้องหัวไวหน่อย
อย่างเช่น เรื่องสัจธรรมขวดน้ำฝาเขียว คือว่าบนรถนำเที่ยวมีน้ำแจกจ่ายให้กับลูกทัวร์ แต่บางคนก็เตรียมไปเองด้วย น้ำขวดใสๆที่ผลิตออกมาขายก็มีหลายยี่ห้อ ตราสิงห์ ตราเนสท์เล่ และอีกหลายๆยี่ห้อจำกันไม่ไหว ออกมากี่ยี่ห้อเราก็ซื้อมาดื่มกันโดยไม่ได้คิดว่ากรรมวิธีผลิตเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ความสะอาดมากน้อยแค่ไหน ทำไงได้ก็เป็นคนไทยนี่ครับ มีน้ำดื่มตราน้ำทิพย์โฆษณาทางทีวีว่า 1. เปิดฝา 2. ดื่มน้ำ  3. บิด เพื่อลดที่ในการทิ้งขยะ  แค่นี้ก็ได้ชื่อว่าช่วยรักษโลกแล้ว  ฝาเป็นสีเขียว เห็นว่าใช้วัตถุดิบลดลง 35 เปอร์เซนต์ทีเดียว

                  จึงทำให้ขวดนิ่มกว่ายี่ห้ออื่นๆ ตอนซื้อมาจากร้านไม่มีทางรู้ได้เลยเพราะมันแข็งโป๊ก  เหมือนผู้ชายที่เจอผู้หญิงแล้วเต่งตึงขึงขัง บีบตรงส่วนไหนมันก็แข็งไปหมด หลังจากที่คนแจกน้ำเดินหายไปแล้ว ความกระหายมันมีอิทธิพลเหนือกว่าที่จะพิจารณาให้มันคงรูปอยู่อย่างนั้น ขณะที่มือซ้ายกำตัวขวดไว้แน่น มือขวาจับตรงฝาสีเขียวค่อยบิดทวนเข็มนาฬิกาอย่างช้าๆ ใจเต้นระทึก อีกนิดเดียวก็จะได้ดื่มน้ำเข้ามาดับกระหายในร่างกายให้เย็นลงคิดแล้วมีความสุขจริงๆ แต่ในห้วงความคิดนั้นความเสียดายก็ประดังเข้ามายากที่จะตัดสินใจได้ เสียงลมที่ระเบิดออกมาเบาๆจากแรงอัดภายในขวดทำให้ต้องตื่นจากภวังค์ มือซ้ายที่กำขวดไว้แน่นตอนนี้เลอะเทอะไปด้วยน้ำจากภายในขวดที่กระฉูดออกมา ขวดน้ำยุบย่นลงไปจนเห็นได้ชัด เมื่อสักครู่น้ำยังเต็ม ฝายังไม่ได้เปิด ขวดแข็งตึง แต่พอไม่มีน้ำอยู่ภายในกลับนุ่มนิ่มได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ  "น้ำออกไปแล้วตัวมันก็จะนิ่ม" เสียงหนึ่งแว่วๆเข้ามาในหูขณะที่ยกขวดขึ้นให้น้ำใสๆไหลรินลงลำคอช้าๆจนหมดเกลี้ยง นั่งดูขวดที่นุ่มนิ่มนี้อยู่นาน งั้นขวดนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้วนะซิ มือซ้ายจับก้นขวด มือขวาจับปากขวดออกแรงบิดเป็นเกลียวจนขวดม้วนเหลือขนาดเล็กนิดเดียว มันช่างมีขนาดแตกต่างต่างกับตอนที่มีน้ำแล้วปิดฝาราวฟ้ากับดิน "ไม่มีน้ำก็ไม่มีประโยชน์นะซิ ทิ้งไปเหอะ จะเอาไว้ขายก็ได้นะ ทำแบบนี้มันจะเล็กไม่กินพื้นที่ เก็บได้สะดวก" มันช่างเหมือนกับชีวิตจริงของคนเรามากๆ "พยายามให้มีน้ำไว้นะครับ ชีวิตจะได้มีค่า หากไม่มีน้ำชีวิตก็จะมีแต่เหี่ยวเฉา"  นี่เป็นสัจธรรมที่มากจากขวดน้ำ  ขอบคุณน้ำทิพย์ฝาเขียวจริงๆ

วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556

"เป็นโสดทำไม"

"เป็นโสดทำไม"   
      
ปี 2556 มาถึงแล้ว มันกำลังบอกอย่างเป็นทางการว่า อายุเพิ่มขึ้นมาอีกปีแล้วนะ ทำให้คิดถึงคนๆหนึ่งที่อยู่มาหลายหน้าฝนมากแล้ว หากคิดว่าจะปาออกไปก็คงคิดว่าไปได้ไกลทีเดียว "ปาเข้าไปสามสิบกว่าปีแล้ว"  ตอนเด็กเป็นนักเรียนที่เรียนเก่งทีเดียว กล้าคิด กล้าทำ และก็กล้าที่จะเป็นตัวแทนเพื่อนๆเป็นนายหน้าไปติดต่อครู จะว่าไปแล้วก็เก่งพอดูทีเดียว "เฮ้ยมันกล้าว่ะ" อ้าวแล้วคนที่พูดถึงเนี่ย ผู้หญิง หรือผู้ชายล่ะ
          ผู้หญิงครับ นิสัยตอนนั้น(ย้ำว่าตอนนั้น)ออกจะแนวห้าวๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความหวานแหวว หัวฟู กระโปรงยาว เสื้อตัวหลวมๆ สะอาดเรียบร้อย เห็นแล้วสบายใจจนต้องแอบยิ้ม แต่ก็ไม่วายจะโดนขู่ด้วยใบหน้าของครูที่มองด้วยสายตาเฉยๆ ...แล้วไง...หนูไม่กลัว   ในที่สุดครูก็ต้องยอม
          วันนี้ ปี2556แล้ว จบปริญญาโท ทางคอมพิวเตอร์ หน้าที่การงานดี อายุก็ปาไปซะไกลแล้ว แต่ยังไม่แต่งงาน ทำให้นึกถึงเพลงสมัยเก่าเพลงหนึ่ง ขับร้องโดยสุรพล สมบัติเจริญ ชื่อเพลงเป็นโสดทำไม เป็นเพลงสนุกๆ จังหวะอาจไม่ถูกใจคนสมัยใหม่มากนัก ดนตรีก็ทำให้นึกถึงกลองยาว แต่เนื้อหาของเพลงกินขาด เพลงปัจจุบันเทียบไม่ได้เลย เป็นการแต่งเพลงที่เต็มไปด้วยจินตนาการ เข้าใจการอยู่เป็นโสดของผู้หญิงคนหนึ่ง น่าเสียดายที่ต้องอยู่เป็นโสด
          "อยากให้ยายฟังเพลงนี้จังเลย แล้วยายจะหัวเราะก๊ากดังๆ ชนิดไม่เกรงใจคนรอบข้าง(ที่กำลังคิดว่ายายนี่ท่าจะบ้า)อย่างแน่นอน ยายจะเก็บลิงค์ไว้ฟังก่อนนอนก็ได้นะยาย"



ป่านนี้ยายคงหัวเราจนตกเก้าอี้ไปแล้ว สวัสดีปีใหม่ 2556 ขอให้ยายมีความสุขมากๆ

จากตาเองแหละ